top of page

Thai contemporary artistic ศิลปะไทยร่วมสมัย รอยแยก มีใครแยกกับใครบ้าง..ไปดูกัน

รูปภาพนักเขียน: supachai areerungruangsupachai areerungruang

ช่วงนี้มีนิทรรศการในหัวข้อ ปฏิบัติการศิลปะไทยร่วมสมัย "รอยแยก" 1980s - 2000s ที่ BACC มันช่างเป็นช่วงเวลาเดียวกันกับข่าวการไม่ต่อสัญญาจ้าง ของผู้อำนวยการหอศิลป์ หรือนี่คือรอยแยกขององค์กร รอยแยกของพื้นที่ทางศิลปะในประเทศไทย


หลังจากผมไปตรวจงานนิสิตที่ออกไปฝึกสอนที่โรงเรียนสาธิต มศว ปทุมวัน ผมก็เลยถือโอกาสเดินไปหอศิลป์ฯกรุงเทพ BACC เพื่อไปดูนิทรรศการศิลปะในหัวข้อที่ผมให้ความสนใจเป็นพิเศษคือ ประเด็นในศิลปะไทยร่วมสมัย ซึ่งนิทรรศการได้ตั้งชื่อนิทรรศการชวนให้ผู้ชมได้คิดตามว่า รอยแยก ในความหมายของชื่อนี้ หมายถืออะไรในความหมายของบริบทของศิลปะในประเทศไทย ผมจะสรุปสั้นๆ ให้ผู้อ่านได้คลายความสงสัย


ภัณฑารักษ์นิทรรศการได้ชวนคิดกับคำว่า "รอยแยก" ในที่นี้ว่า หมายถึงศิลปินไทยกลุ่มหนึ่งพยายามที่จะหาทางออกจากกรอบ กล่องแบบศิลปะประเพณี หรือศิลปะในความคิดของสังคมไทย ออกไปสู่พื้นที่ความเป็นเสรีทางความคิดใหม่ของตนเอง และกลุ่มศิลปินที่มีความคิดเดียวกัน


ความคิดที่ผลิแยกออกจากรอยแตก แยกแขนงออกไปนั้นอาจจะไม่คุ้นชิน ตั้งแต่ พ.ศ.2523 - 2543 ซึ่งผมก็อยู่ในความร่วมสมัยกับช่วงเวลาดังกล่าว และเป็นนักเรียนศิลปะ จับสี พู่กัน จนถึงสื่อสมัยใหม่ สื่อเทคโนโลยี ภาพเคลื่อนไหว ทำงานศิลปะ จนมาจับปากกาเขียนหนังสือ อ่านหนังสือ จึงสามารถเข้าใจประเด็นนี้ได้อย่างดี แต่สำหรับผู้เข้าชมนิทรรศการอีกมากที่อาจจะเป็นที่แปลกหู แปลกตา กับผลงานที่เรียกว่า "นี่คืองานศิลปะ" เมื่อเขาเหล่านั้นเข้าไปดูงานตั้งแต่ปากทางเข้าห้องนิทรรศการ กับผลงานของ ฤกษ์ฤทธิ์ ตีระวนิช เมื่องานศิลปะคือถังแก๊ส หม้อแกงขนาดใหญ่ เสื่อ จาน ชาม ที่ว่าแปลกตาของคนดูก็เพราะในขณะที่ผมเดินวนดูในบริเวณรอบๆ งานชิ้นนี้ พลันก็ได้ยินเสียงคนที่เข้ามาดูพูดคุยกันว่า "นี่เขาเพิ่งเลิกงานเลี้ยงข้าวกันนี่นา"


เมื่อเดินถัดไปทางซ้าย ก็มีผลงานของ นาวิน ลาวัลย์ชัยกุล ในผลงาน "นาวิน แกลเลอรี่ กรุงเทพ (แท็กซี่แกลเลอรี่) 2538 - 2543 เป็นผลงานจัดวาง ด้วยการนำเอกสาร อุปกรณ์การทำงานของคนขับแท็กซี่ หลังคารถแท็กซี่ ที่มีภาพจิตรกรรมฝาผนังของขรัวอินโข่งที่หลังคาห้องโดยสาร


ยังมีผลงานของศิลปินอีกหลายคนที่ภัณฑารักษ์ได้คัดเลือกจัดกลุ่มเข้าด้วยกัน แล้วก็ยังมีอีกหลายคนเช่นกันที่ไม่ได้นำมาเทียบเคียงให้เห็นความแตกต่างของรอยแยกนี้ สิ่งที่คนดูงานควรให้ความสนใจก็คือ แนวคิดของศิลปินที่นำมาแสดงครั้งนี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การทำการเชื่อมโยงความเป็น "เมือง" ระหว่าง กรุงเทพมหานคร กับ เชียงใหม่ ซึ่งหากจะมองย้อนไปในอดีต นั่นคือรอยแยกก็กลุ่มศิลปินที่ผลิดอกจากกรุงเทพฯแล้วแสวงหาพื้นที่ใหม่ คือ เชียงใหม่ ซึ่งแน่นอนว่าปัจจุบันเรารับรู้กันทั่วโลกว่า เชียงใหม่คือจุดหมายของการเดินทางรองลงไปจากกรุงเทพมหานคร สำหรับคนไทยหรือคนต่างชาติ แต่อย่างไรก็ตาม ปรากฏการณ์ ความเคลื่อนไหวของศิลปะไทยร่วมสมัยก็ยังมี ยังเกิดขึ้นในภูมิภาคอื่นๆด้วยเช่นกัน ทั้งทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคใต้


ข้อดีอีกประการของนิทรรศการครั้งนี้สำหรับผม คือ กลุ่มความคิดทางการทำงานศิลปะอีกกลุ่มหนึ่ง ที่ควรจะปรากฏในหน้าหนังสือ ตำราเรียนศิลปะ วิชาทัศนศิลป์ในระดับประถม มัธยมศึกษา บ้าง ในฐานะที่ผมได้เป็นคนตรวจหนังสือ ตำราเรียนเหล่านั้นทำให้พบปัญหาสำคัญคือ คนเขียนเนื้อหาเรื่องศิลปะร่วมสมัยในประเทศไทยไม่มีข้อมูลเพียงพอที่จะส่งเสริมให้นักเรียนได้เข้าใจความเป็น ศิลปะไทยร่วมสมัย เพราะเขาเหล่านั้นมีชุดความรู้ มีข้อมูลที่หยุดเวลาตั้งแต่ช่วง พ.ศ. 2519 หรือ หากจะมีผลงานศิลปะไทยร่วมสมัย เขาก็มีชุดความรู้ที่มีเพียงศิลปินเชียงราย เท่านั้นเอง



ดู 84 ครั้ง0 ความคิดเห็น

Comments


bottom of page