top of page

30 ปีของผมบนโลกศิลปะ กับผลงานของ ผศ.สุพจน์ สิงห์สาย ความลึกลับ ศรัทธาและความเชื่อ



ช่วงเวลาในเดือนตุลาคมนี้ถึงแม้ว่าอากาศจะเริ่มเย็นลงแล้วในวันที่ 21 แต่อุณหภูมิทางการเมืองของประเทศไทยกลับเพิ่มสูงขึ้นตามลำดับ อย่างไรก็ตามในห้องนิทรรศการของคณะมัณฑนศิลป์ มหาวิทยาลัยศิลปากร วิทยาเขตวังท่าพระกลับสร้างให้ผู้ชมได้สงบนิ่ง กับภาพผลงานจำนวนมากของ ผศ.สุพจน์ สิงห์สายที่ได้นำมาจัดแสดงตามกรอบความคิดของชื่อนิทรรศการคือ ความลึกลับ ศรัทธาและความเชื่อ ด้วยภาพวาดสีน้ำมันและงานสื่อผสมที่ศิลปินตั้งใจให้องค์ประกอบของภาพได้รับการจัดวางให้ผมรู้สึกถึงความมั่นคง หนักแน่นด้วยสีดำ แล้วฉายแสงสว่างไปที่ตัววัตถุในภาพอันประกอบไปด้วยโครงร่างของพระพุทธรูป ดอกไม้ เครื่องบูชา

ผมเดินเข้าไปในห้องนิทรรศการแล้วเดินดูโดยรอบๆ เพื่อมองการจัดวาง การเล่าเรื่อง การจัดแสดงของห้องนิทรรศการโดยที่ยังไม่ดูเนื้อหาของภาพ ชื่อภาพและอื่นๆ ในความเห็นผมต่อเรื่องของแสงภายนอกที่ลอดผ่านกระจกใสอาจจะทำให้การสร้างอารมณ์การรับรู้ต่อความลึกลับไม่ไปถึงจุดนั้นเท่าที่ควร แต่จำนวนงานมีมากพอทำให้การรับรู้ในเรื่องความลึกลับไม่ลดลงไปมากนัก

ผลงานจิตรกรรมมีขนาดใหญ่พอที่จะครอบคลุมสายตาของผู้ชมในการยืนชมและงานสื่อผสมติดผนังที่มีขนาไม่ใหญ่ซึ่งตัวผลงานประกอบด้วยกล่องไม้ ผสมกับงานภาพวาดและวัตถุรูปทรงต่างๆ โดยรวมแล้วผลงานทั้งหมดดูมีเอกภาพภายใต้แนวคิด องค์ประกอบศิลปะ เทคนิควิธีการสร้างสรรค์ อารมณ์และความรู้สึกเป็นไปในทางเดียวกันจนทำให้ผมมีความเห็นพูดกับตัวเองในใจขณะที่เดินชมว่า "อาจารย์สุพจน์ขยันดี" ซึ่งคงต้องใช้เวลาทุ่มเทในการสร้างสรรค์แล้วนำมาจัดแสดงค่อนข้างมากพอสมควร แต่เมื่อผมเริ่มเข้าไปชมระยะใกล้เพื่อพินิจพิจารณาเทคนิควิธีการสร้างสรรค์ คำอธิบายชื่อภาพ และเห็นพื้นผิวของสีที่เกิดรอยแตกร้าวดูราวกับผลงานนั้นได้ผ่านกาลเวลามายาวนานในบางภาพ กลับทำให้ความรู้สึกผมสะดุ้งตื่นขึ้นจากความลึกลับในภาพ เพราะว่าผลงานที่นำมาจัดแสดงทั้งหมดเป็นเสมือนการคัดสรรภาพตลอดช่วง 30 ปีของศิลปินมาจัดแสดง เปรียบได้ดั่งการเฉลิมฉลองการทำงานของศิลปินที่ยึดมั่นมายาวนานตลอดช่วงเวลาของตนเอง ซึ่งเป็นการยึดมั่นในความคิด รูปแบบ องค์ประกอบ สัญลักษณ์ที่ปรากฏในผลงาน เทคนิควิธีการสร้างสรรค์ให้คนรุ่นใหม่ใน พ.ศ.นี้ให้เห็นว่าการทำงานศิลปะโดยศิลปินย่อมพิสูจน์ด้วยความตั้งใจบนเส้นของเวลาว่าคุณจะเดินบนเส้นทางนี้ไปได้ยาวไกลเพียงใดก็ขึ้นอยู่ที่คุณ ซึ่งจริงๆแล้วผมคิดว่าภาพทั้งหมดเพิ่งทำในช่วงหนึ่งปีหรือไม่เกินสองปี

ครั้นเมื่อมามองสัญญะที่ปรากฏในงานผมพบภาษาภาพบางประการที่ศิลปินหยิบยกมาใช้เพื่อการชวนตีความให้เข้าใจถึงความลึกลับ ด้วยรูปร่างของโพรง ช่องดำมืด เพียงแต่ว่าช่องโพรงนี้มีการเชื่อมโยงกับเส้นรอบนอกของซุ้มพระพุทธรูป หรือแม้กระทั่งรูปร่างของพระพุทธด้วยเช่นกัน นอกจากนั้นแล้วก็ยังมีการนำเครื่องไหวบูชา ธูปเทียน ดอกไม้ที่นิยมนำมาใช้กับพิธีกรรมทางศาสนาเช่นดอกบัวได้ปรากฏในภาพผลงานโดยรวม ทำให้เชื่อมโยงกับยุคสมัยในสามทศวรรษขึ้นไปกับการสร้างสรรค์ของศิลปินในยุคก่อนนั้นเช่น ทวี นันทขว้าง ที่ใช้ดอกบัวเป็นสัญลักษณ์

งานนิทรรศการชุดนี้จึงเป็นประจักษพยานของช่วงสมัยในโลกศิลปะไทยให้คนรุ่นปัจจุบันได้เห็นประเด็นที่ศิลปินนำมาเป็นแนวทางสร้างสรรค์ไม่ว่าจะเป็นเรื่อง ศรัทธา ศาสนา ความลี้ลับ ลึกลับ ในขณะที่สังคมวันนี้ใน ตุลาคม พ.ศ.2563 ที่คนรุ่นปัจจุบันอาจจะตีความคำเหล่านี้เปลี่ยนไป ดังนั้นผมก็ชี้ชวนให้ผู้ชมได้เข้าชมแล้วลองเชื่อมโยงความคิดของคนรุ่นก่อน กับคนรุ่นปัจจุบันในการมองโลกศิลปะ และโลกที่เราอยู่ว่า ประเด็นเหล่านี้ยังคงทำให้เรารู้สึกตามหรือไม่


ดู 324 ครั้ง0 ความคิดเห็น
bottom of page